ต่อมลูกหมากโต การรักษา

ต่อมลูกหมากโต: การรักษาและแนวทางการดูแล

ต่อมลูกหมากโตเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ชายสูงอายุ ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันเนื่องจากอาการปัสสาวะที่ผิดปกติ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษาที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ บทความนี้จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับต่อมลูกหมากโตและการรักษาตามมาตรฐานทางการแพทย์

อาการของต่อมลูกหมากโต

อาการของต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia หรือ BPH) อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ความรุนแรงของอาการไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของต่อมลูกหมากเสมอไป อาการที่พบบ่อย ได้แก่:

  • ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืน (ปัสสาวะรดที่นอน)
  • ปัสสาวะลำบาก ต้องเบ่ง หรือรอสักพักกว่าจะปัสสาวะออก
  • ปัสสาวะไม่พุ่ง หรือไหลอ่อน
  • รู้สึกปัสสาวะไม่สุด
  • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปัสสาวะเล็ด
  • ปัสสาวะเป็นหยดๆ หลังปัสสาวะเสร็จ

หากมีอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม

สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของต่อมลูกหมากโต

สาเหตุที่แท้จริงของต่อมลูกหมากโตยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชายตามอายุที่เพิ่มขึ้น ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเพิ่มโอกาสในการเกิดต่อมลูกหมากโต ได้แก่:

  • อายุ: พบได้บ่อยในผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
  • ประวัติครอบครัว: หากมีบุคคลในครอบครัวเป็นต่อมลูกหมากโต จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • โรคประจำตัว: โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และภาวะอ้วน อาจเพิ่มความเสี่ยง
  • การใช้ยาบางชนิด: ยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการทำงานของต่อมลูกหมาก

การวินิจฉัยต่อมลูกหมากโต

การวินิจฉัยต่อมลูกหมากโตมักเริ่มต้นด้วยการซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์ การตรวจที่อาจทำ ได้แก่:

  • การซักประวัติและตรวจร่างกาย: เพื่อประเมินอาการและปัจจัยเสี่ยง
  • การตรวจทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination – DRE): แพทย์จะใช้นิ้วสอดเข้าไปในทวารหนักเพื่อคลำต่อมลูกหมาก ประเมินขนาดและลักษณะ
  • การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis): เพื่อตรวจหาการติดเชื้อหรือความผิดปกติอื่นๆ
  • การตรวจเลือด: เพื่อตรวจการทำงานของไต และตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate-Specific Antigen – PSA)
  • การตรวจวัดอัตราการไหลของปัสสาวะ (Uroflowmetry): เพื่อวัดความแรงของกระแสปัสสาวะ
  • การตรวจอัลตราซาวนด์: เพื่อดูขนาดและรูปร่างของต่อมลูกหมาก

แนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโตตามมาตรฐาน

แนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโตมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ ขนาดของต่อมลูกหมาก และสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย การรักษาอาจรวมถึง:

การเฝ้าติดตามอาการ

ในกรณีที่อาการไม่รุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิด โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ลดการดื่มน้ำก่อนนอน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์

การรักษาด้วยยา

ยาที่ใช้ในการรักษาต่อมลูกหมากโตมีหลายประเภท ได้แก่:

  • ยาอัลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha-blockers): ช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณต่อมลูกหมากและคอกระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะได้ง่ายขึ้น
  • ยา 5-อัลฟา รีดักเทส อินฮิบิเตอร์ (5-alpha reductase inhibitors): ช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมาก
  • ยาผสม (Combination therapy): แพทย์อาจสั่งจ่ายยาทั้งสองประเภทข้างต้นร่วมกัน

การใช้ยาอาจมีผลข้างเคียง ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับข้อดีข้อเสียของยาแต่ละชนิด

การผ่าตัด

การผ่าตัดเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่มีอาการรุนแรง หรือไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา วิธีการผ่าตัดที่ใช้กันทั่วไป ได้แก่:

  • การผ่าตัดส่องกล้องผ่านท่อปัสสาวะ (Transurethral Resection of the Prostate – TURP): เป็นการผ่าตัดที่ใช้กันมานาน โดยแพทย์จะสอดเครื่องมือผ่านท่อปัสสาวะเข้าไปตัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากที่กีดขวางทางเดินปัสสาวะออก
  • การผ่าตัดด้วยเลเซอร์: มีหลายเทคนิค เช่น GreenLight laser vaporization และ Holmium laser enucleation of the prostate (HoLEP) ซึ่งใช้เลเซอร์ในการกำจัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก
  • การผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง (Open prostatectomy): เป็นการผ่าตัดที่ต้องเปิดหน้าท้อง เหมาะสำหรับผู้ที่มีต่อมลูกหมากขนาดใหญ่มาก

การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังมีการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ เช่น:

  • การใช้ความร้อนจากคลื่นไมโครเวฟ (Transurethral Microwave Thermotherapy – TUMT)
  • การใช้เข็มความถี่วิทยุ (Transurethral Needle Ablation – TUNA)
  • การใส่ขดลวดค้ำยัน (Prostatic Urethral Lift – PUL)
  • การรักษาด้วยไอน้ำ (Rezum)

แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

ข้อควรระวังและภาวะแทรกซ้อน

การรักษาต่อมลูกหมากโตอาจมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ เช่น:

  • เลือดออก
  • ติดเชื้อ
  • ปัสสาวะเล็ด
  • ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
  • ภาวะน้ำอสุจิไหลย้อนกลับ (Retrograde ejaculation)
  • ท่อปัสสาวะตีบ

ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการรักษาแต่ละวิธี

เมื่อใดควรไปพบแพทย์

ควรไปพบแพทย์หากมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการปัสสาวะ หรือมีอาการที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน การวินิจฉัยและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพทางเดินปัสสาวะ สามารถศึกษาได้จาก WHO: Urinary tract health

คลินิกปัสสาวะหมอศุภณัฐ ศรีราชา: การดูแลผู้ป่วยแบบเฉพาะบุคคล

ที่คลินิกปัสสาวะหมอศุภณัฐ ศรีราชา เราให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยแต่ละรายอย่างเอาใจใส่ เนื่องจากเข้าใจดีว่าการรักษาต่อมลูกหมากโตนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล การพูดคุยทำความเข้าใจความต้องการของผู้ป่วยและข้อบ่งชี้ในการรักษาที่จำเป็นมีความสำคัญที่สุด เพื่อให้การรักษาตอบโจทย์และเหมาะสมกับผู้ป่วยมากที่สุด เราเชื่อว่าการรักษาที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องมาจากเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุดหรือยาที่แพงที่สุดเสมอไป แต่มาจากการวินิจฉัยที่แม่นยำ การเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม และการดูแลติดตามผลอย่างต่อเนื่อง หากท่านมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นต่อมลูกหมากโต ขอแนะนำให้มาปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ต่อมลูกหมากโตเป็นมะเร็งหรือไม่?

ต่อมลูกหมากโต (BPH) ไม่ใช่มะเร็ง แต่เป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการผิดปกติเกี่ยวกับการปัสสาวะ อย่างไรก็ตาม การมีต่อมลูกหมากโตไม่ได้หมายความว่าจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากสูงขึ้น

การตรวจ PSA คืออะไร?

PSA (Prostate-Specific Antigen) คือสารที่ผลิตจากต่อมลูกหมาก การตรวจ PSA เป็นการตรวจเลือดเพื่อวัดระดับ PSA ในเลือด ระดับ PSA ที่สูงขึ้นอาจบ่งบอกถึงภาวะต่อมลูกหมากโต มะเร็งต่อมลูกหมาก หรือการอักเสบของต่อมลูกหมาก

การรักษาต่อมลูกหมากโตมีผลต่อสมรรถภาพทางเพศหรือไม่?

การรักษาต่อมลูกหมากโตบางวิธีอาจมีผลต่อสมรรถภาพทางเพศ เช่น ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือภาวะน้ำอสุจิไหลย้อนกลับ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการรักษาแต่ละวิธี

สามารถป้องกันต่อมลูกหมากโตได้หรือไม่?

ยังไม่มีวิธีที่สามารถป้องกันต่อมลูกหมากโตได้อย่างแน่นอน แต่การดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยง อาจช่วยลดความเสี่ยงได้

ควรตรวจต่อมลูกหมากเมื่ออายุเท่าไหร่?

โดยทั่วไป แนะนำให้ผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปี หากมีปัจจัยเสี่ยง เช่น ประวัติครอบครัว หรือมีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาการตรวจที่เหมาะสม

สรุป

ต่อมลูกหมากโตเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ชายสูงอายุ การทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ สาเหตุ และแนวทางการรักษาที่ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ หากท่านมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นต่อมลูกหมากโต หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการรักษา ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top